1. ตรวจสอบระดับความสูงของน้ำท่วม
ก่อนขับรถเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วม ควรตรวจสอบระดับความสูงของน้ำก่อนเสมอ หากน้ำสูงเกินระดับพื้นรถประมาณ 15 เซนติเมตร แนะนำให้หลีกเลี่ยงการขับผ่าน เนื่องจากน้ำที่สูงกว่านี้อาจทำให้เครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้าได้รับความเสียหายได้
2. ขับด้วยความเร็วต่ำและสม่ำเสมอ
การขับรถด้วยความเร็วต่ำจะช่วยลดแรงกระแทกของน้ำเข้าสู่ห้องเครื่อง และทำให้น้ำไม่กระจายเข้าสู่ชิ้นส่วนภายในของรถยนต์ นอกจากนี้การขับแบบสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงในการดับเครื่องเนื่องจากน้ำเข้าท่อไอเสีย
3. ใช้เกียร์ต่ำและรักษารอบเครื่องยนต์ให้สูง
การใช้เกียร์ต่ำจะช่วยให้รถยนต์มีกำลังในการขับผ่านน้ำท่วมได้ดียิ่งขึ้น รักษารอบเครื่องยนต์ให้สูงประมาณ 1500-2000 รอบต่อนาที เพื่อป้องกันน้ำเข้าทางท่อไอเสียที่อาจทำให้เครื่องยนต์ดับ
4. ไม่หยุดรถขณะอยู่ในน้ำท่วม
ห้ามหยุดรถหรือเปลี่ยนเกียร์ขณะอยู่ในน้ำท่วม เพราะการหยุดรถจะทำให้น้ำสามารถเข้ามาในท่อไอเสียหรือเครื่องยนต์ได้ การเปลี่ยนเกียร์กลางน้ำอาจทำให้รถยนต์เสียการควบคุม
5. ระวังแรงดันน้ำจากรถคันอื่น
หากมีรถคันอื่นขับสวนทางหรือขับตามมา ควรหลีกเลี่ยงให้รถผ่านไปก่อน เนื่องจากแรงดันน้ำจากการเคลื่อนตัวของรถอาจทำให้น้ำกระเซ็นเข้าห้องเครื่องของรถคุณได้
6. ตรวจสอบหลังจากผ่านน้ำท่วม
หลังจากขับผ่านน้ำท่วม ควรตรวจสอบเบรก, ไฟหน้า, ไฟท้าย และเครื่องยนต์ว่ายังทำงานได้ปกติหรือไม่ หากรู้สึกว่ารถมีอาการแปลกๆ เช่น เสียงดัง, การสั่นสะเทือน ควรหยุดรถและตรวจสอบทันที
7. ทำความสะอาดและตรวจสอบสภาพรถหลังการใช้งาน
หลังจากการขับลุยน้ำท่วม ควรทำความสะอาดรถโดยการล้างใต้ท้องรถและทำความสะอาดเบรก เพื่อป้องกันการเกิดสนิมและความเสียหายต่อชิ้นส่วนรถยนต์