ในยุคที่มลพิษทางอากาศกลายเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ระบบกรองอากาศภายในรถยนต์กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ผู้ใช้รถหลายคนให้ความสนใจ แต่คำถามคือ ระบบกรองฝุ่น PM 2.5 ในรถยนต์สามารถช่วยป้องกันอันตรายจากมลพิษเหล่านี้ได้จริงหรือไม่? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงประสิทธิภาพของระบบกรองอากาศในรถยนต์ และวิธีการเลือกใช้อย่างเหมาะสม

PM 2.5 คืออะไร? ทำไมถึงอันตราย?

PM 2.5 (Particulate Matter 2.5) คือฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าขนาดเส้นผมมนุษย์หลายเท่า ทำให้สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและไหลเวียนเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่าย ส่งผลให้เกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

แหล่งกำเนิดของ PM 2.5 ได้แก่

-ควันจากท่อไอเสียรถยนต์

-โรงงานอุตสาหกรรม

-การเผาขยะและเศษพืชผลทางการเกษตร

-ควันบุหรี่

เมื่อฝุ่น PM 2.5 อยู่ในระดับสูง จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของทุกคน โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

ระบบกรองฝุ่น PM 2.5 ในรถยนต์คืออะไร?

ระบบกรองอากาศในรถยนต์ หรือ Cabin Air Filter เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยกรองฝุ่นละอองและมลพิษจากอากาศที่เข้ามาภายในห้องโดยสาร โดยมีหลายประเภทที่แตกต่างกันในเรื่องของประสิทธิภาพการกรอง โดยเฉพาะระบบกรองที่สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ได้

ประเภทของแผ่นกรองอากาศในรถยนต์

• แผ่นกรองอากาศแบบธรรมดา – สามารถกรองฝุ่นขนาดใหญ่และเศษสิ่งสกปรก แต่ไม่สามารถกรอง PM 2.5 ได้

• แผ่นกรองคาร์บอน (Activated Carbon Filter) – ช่วยกรองกลิ่นและสารพิษบางชนิด แต่ประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นขนาดเล็กยังไม่เพียงพอ

• แผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) – สามารถดักจับฝุ่น PM 2.5 ได้มากกว่า 99% และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันมลพิษภายในรถยนต์

ระบบกรองฝุ่น PM 2.5 ในรถยนต์ช่วยได้จริงหรือไม่?

1. ประสิทธิภาพในการลดปริมาณฝุ่น PM 2.5
   จากการศึกษาพบว่า แผ่นกรองอากาศชนิด HEPA มีความสามารถในการกรองฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถลดปริมาณฝุ่นภายในห้องโดยสารลงได้ถึง 80-90% ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสกับมลพิษได้ดีมากกว่าการใช้แผ่นกรองทั่วไป
2. ระบบหมุนเวียนอากาศในรถมีผลต่อการป้องกันฝุ่น
   หากเปิดระบบปรับอากาศและตั้งค่าให้เป็น “หมุนเวียนอากาศภายใน” (Recirculation Mode) จะช่วยลดการนำอากาศจากภายนอกเข้ามาในรถ และทำให้แผ่นกรองสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ป้องกันผลกระทบทางสุขภาพจากมลพิษอากาศ
   ด้วยคุณสมบัติของระบบกรอง PM 2.5 ในรถยนต์ จะช่วยลดอาการแพ้ ไอ จาม และการระคายเคืองทางเดินหายใจ โดยเฉพาะสำหรับเด็กและผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับปอด

วิธีเลือกแผ่นกรองอากาศ PM 2.5 สำหรับรถยนต์

-เลือกแผ่นกรองที่ระบุว่าเป็น HEPA หรือมีประสิทธิภาพในการดักจับ PM 2.5

-ตรวจสอบขนาดที่เหมาะสมกับรุ่นรถของคุณ

-เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศตามระยะเวลาที่กำหนด

-ควรเปลี่ยนทุก 6-12 เดือน หรือเร็วกว่านั้นหากใช้รถในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง

-เคล็ดลับเพิ่มเติมในการลดฝุ่น PM 2.5 ภายในรถ

-ปิดหน้าต่างเมื่อขับขี่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะ เช่น บริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น

-ใช้เครื่องฟอกอากาศในรถ เพื่อช่วยเสริมการกรองอากาศให้สะอาดขึ้น

-ทำความสะอาดภายในรถเป็นประจำ เช่น ดูดฝุ่นพรมและเบาะ เพื่อไม่ให้ฝุ่นสะสม

ระบบกรองฝุ่น PM 2.5 ในรถยนต์ โดยเฉพาะแผ่นกรอง HEPA สามารถช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กได้จริง และช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับอากาศที่สะอาดขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรเลือกใช้แผ่นกรองที่มีคุณภาพดีและเปลี่ยนเป็นประจำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ การใช้เทคนิคอื่นๆ เช่น ปิดหน้าต่างขณะขับรถในพื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะ หรือใช้เครื่องฟอกอากาศเพิ่มเติม ก็จะช่วยให้การเดินทางปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดีขึ้น

ดังนั้นแม้ว่าระบบกรองฝุ่น PM 2.5 จะช่วยได้มาก แต่การลดมลพิษที่ต้นเหตุเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศบริสุทธิ์ได้ในระยะยาว

เลือกดูรถยนต์ที่ใช่สำหรับคุณที่ โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ ดูรุ่นรถหรือโปรโมชั่น สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Toyota Nakornping Chiang Mai – โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่

📞 สาขาสำนักงานใหญ่ 053-999-888
📞 สาขาสันทราย 053-999-666
📞 สาขาลำพูน 052-030-999