

1. ตรวจสอบประเภทของประกันรถยนต์
ก่อนที่จะเคลมประกันรถน้ำท่วม สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ตรวจสอบประเภทของประกันที่คุณทำไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าครอบคลุมถึงความเสียหายจากน้ำท่วมหรือไม่ ประกันชั้น 1 มักจะครอบคลุมความเสียหายจากน้ำท่วมทั้งหมด ในขณะที่ประกันชั้น 2+ และ 3+ จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน
2. ติดต่อบริษัทประกันทันที
เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมและรถของคุณได้รับความเสียหาย ให้ติดต่อบริษัทประกันภัยของคุณโดยเร็วที่สุดเพื่อแจ้งเหตุการณ์และสอบถามขั้นตอนการเคลม บริษัทจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องใช้และวิธีการดำเนินการ
3. เก็บหลักฐานความเสียหายรถยนต์
การมีหลักฐานที่ชัดเจนจะช่วยในการเคลมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นให้ถ่ายรูปหรือวิดีโอความเสียหายของรถยนต์ เช่น ระดับน้ำท่วมที่อยู่รอบๆ รถ และสภาพรถภายนอกและภายใน
4. ไม่พยายามสตาร์ทรถยนต์
หากรถของคุณจมน้ำ อย่าพยายามสตาร์ทรถทันที เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมต่อระบบเครื่องยนต์ แนะนำให้รอทีมช่างจากบริษัทประกันภัยมาประเมินหรือเคลื่อนย้ายรถไปยังอู่ซ่อมที่กำหนด
5. เอกสารที่ต้องเตรียม
เอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการเคลมประกันรถน้ำท่วม ได้แก่
6. ประเมินค่าเสียหาย
บริษัทประกันภัยจะส่งทีมช่างมาตรวจสอบและประเมินค่าเสียหายของรถ จากนั้นจะมีการแจ้งวงเงินคุ้มครองและรายละเอียดเกี่ยวกับการซ่อมแซม หรือในกรณีที่รถเสียหายหนักจนซ่อมไม่ได้ อาจมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามวงเงินประกัน
7. ระยะเวลาและขั้นตอนการซ่อม
ระยะเวลาในการซ่อมรถขึ้นอยู่กับความเสียหาย หากความเสียหายไม่มากนัก การซ่อมอาจใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่หากเสียหายหนักอาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น ควรติดตามสถานะการซ่อมแซมกับอู่ซ่อมหรือบริษัทประกันภัยเป็นระยะ
ดังนั้นการเคลมประกันรถน้ำท่วมอาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนเล็กน้อย แต่หากคุณทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้องและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน การเคลมก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น และช่วยป้องกันความเสียหายทางการเงินจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
สนใจสอบถามเรื่องรถได้ที่ Toyota Nakornping Chiang Mai – โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ข้อปฏิบัติรถยนต์จมน้ำท่วม เครื่องยนต์พัง ควรทำอย่างไร?