Menu
Menu
ข้อดี-ข้อเสีย การเติมยางแต่ละประเภทและปริมาณของลมยางรถยนต์

การเติมลมยางที่ถูกต้องมีผลต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการขับขี่อย่างมาก

ข้อดี-ข้อเสีย การเติมยางแต่ละประเภทและปริมาณของลมยางรถยนต์

การเติมลมยางที่ถูกต้องมีผลต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการขับขี่อย่างมาก แต่ด้วยตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น ลมธรรมดาและลมไนโตรเจน หลายคนอาจสงสัยว่าจะเลือกใช้แบบไหนดีที่สุด ข้อดี-ข้อเสียของลมยางแต่ละประเภท และแนะนำปริมาณลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์รุ่นต่างๆ

1. ประเภทของลมยาง

  • ลมธรรมดา (อากาศทั่วไป)

ข้อดี

เติมง่าย : สามารถเติมได้ที่ปั๊มน้ำมันหรือร้านยางทั่วไป

ประหยัด : ค่าใช้จ่ายน้อยหรือไม่มีค่าใช้จ่าย

ซ่อมแซมง่าย : เมื่อลมยางอ่อนสามารถเติมได้ทันที

ข้อเสีย

ความดันเปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิ: ยางอาจอ่อนเมื่ออุณหภูมิลดลง

มีส่วนผสมของความชื้น: อาจเร่งการเกิดสนิมในล้อแม็กหรือวาล์วลม

  • ลมไนโตรเจน

ข้อดี

เสถียรกว่า : ความดันลมยางคงที่แม้อุณหภูมิเปลี่ยน
ลดการสึกหรอ : ยางเสื่อมช้ากว่าการใช้ลมธรรมดา
ป้องกันสนิม : ไม่มีความชื้นในลมไนโตรเจน

ข้อเสีย

ค่าใช้จ่าย : มีราคาสูงกว่าการเติมลมธรรมดา
เติมไม่สะดวก : ต้องใช้บริการจากร้านเฉพาะ

2. ปริมาณลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์แต่ละรุ่น

ปริมาณลมยางที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับรุ่นและการใช้งานของรถ โดยสามารถตรวจสอบได้จากคู่มือรถยนต์หรือสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บริเวณกรอบประตูฝั่งคนขับ ตัวอย่างดังนี้

-รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Sedan) เช่น Toyota Yaris
ล้อขนาด 15-16 นิ้ว: 32-34 PSI
ล้อขนาด 17 นิ้วขึ้นไป: 34-36 PSI
-รถยนต์ SUV หรือ Crossover เช่น Toyota Corolla Cross
ล้อขนาด 17 นิ้ว: 34-36 PSI
ล้อขนาด 18 นิ้วขึ้นไป: 36-38 PSI
-รถกระบะ (Pick-up) เช่น Toyota Hilux Revo
ใช้งานทั่วไป: 30-32 PSI (ล้อหน้า), 32-36 PSI (ล้อหลัง)
บรรทุกหนัก: 40-50 PSI (ล้อหลัง)
-รถตู้ เช่น Toyota Commuter
บรรทุกผู้โดยสาร: 35-38 PSI
บรรทุกของหนัก: 40-45 PSI

ข้อควรระวังในการเติมลมยาง

อย่าเติมลมยางเกินความเหมาะสม การเติมลมมากเกินไปอาจทำให้การยึดเกาะถนนลดลง และทำให้ยางสึกไม่สม่ำเสมอ

ไม่ควรปล่อยให้ยางอ่อนเกินไป ยางอ่อนเกินไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการระเบิด และทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น

ตรวจสอบลมยางสม่ำเสมอ ควรตรวจสอบลมยางทุก 1-2 สัปดาห์ หรือก่อนเดินทางไกล

สรุป

การเลือกประเภทลมยางขึ้นอยู่กับความสะดวกและลักษณะการใช้งาน หากต้องการประหยัดและสะดวก ลมธรรมดาอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากเน้นความเสถียรและลดการสึกหรอของยาง ลมไนโตรเจนอาจตอบโจทย์ได้ดีกว่า สำหรับปริมาณลมยางที่เหมาะสม ควรยึดตามคำแนะนำจากผู้ผลิต และหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์

สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Toyota Nakornping Chiang Mai – โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่

Leave a Comment

Compare Listings

Compare (0)