Menu
Menu

ในยุคที่เทคโนโลยียานยนต์ก้าวล้ำไปไกล รถยนต์ไฮบริดกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันควบคู่กับสมรรถนะที่ดี และยังช่วยลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม หนึ่งในคำถามที่ผู้ขับขี่รถไฮบริดมือใหม่มักสงสัยก็คือ การใช้งานของ “เกียร์ B” ซึ่งปรากฏอยู่บนหัวเกียร์ในรถยนต์ไฮบริดหลายรุ่น เช่น Toyota Yaris Cross, Corolla Cross, เป็นต้น

หลายคนอาจเคยขับรถโดยใช้เพียงเกียร์ D ในชีวิตประจำวันโดยไม่เคยแตะเกียร์ B เลยด้วยซ้ำ จนเกิดข้อสงสัยว่า เกียร์ B มีไว้เพื่ออะไร? จำเป็นไหม? หรือใช้เฉพาะในสถานการณ์ไหนเท่านั้น? หากใช้งานผิดเวลา จะมีผลเสียกับรถหรือระบบไฮบริดหรือไม่? มาดูกันว่าเกียร์ B ในรถยนต์ไฮบริดใช้งานอย่างไร และควรใช้ตอนไหนดี

เกียร์ B คืออะไร?

เกียร์ B คืออะไร?

เกียร์ B หรือที่ย่อมาจาก “Brake” (บางแหล่งเรียกว่า “Engine Braking”) เป็นตำแหน่งเกียร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ เพิ่มแรงต้านของเครื่องยนต์ ในการชะลอความเร็วของรถ โดยใช้แรงดึงจากมอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์แทนการเหยียบเบรก ซึ่งช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องควบคุมความเร็วอย่างต่อเนื่อง เช่น ถนนลาดชัน

หลักการทำงานของเกียร์ B ในรถไฮบริด

เมื่อผู้ขับเปลี่ยนมาใช้ตำแหน่งเกียร์ B :

  • ระบบจะเพิ่มการหน่วงความเร็วของรถ โดยใช้แรงต้านของมอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ (ขึ้นอยู่กับโหมดการทำงาน)
  • พลังงานที่ถูกหน่วงจะถูกเปลี่ยนกลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้า และส่งกลับไปยังแบตเตอรี่ (ในกรณีของระบบ regenerative braking)
  • ช่วยลดภาระของเบรก ช่วยยืดอายุผ้าเบรก และเพิ่มความปลอดภัย

ควรใช้เกียร์ B ตอนไหนดี?

การใช้เกียร์ B ไม่ได้ใช้ตลอดเวลา แต่เหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะ ดังนี้

1. ขับลงเขา หรือลาดชัน

  • เพื่อช่วยชะลอรถ โดยไม่ต้องเหยียบเบรกต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้เบรกไหม้
  • เพิ่มความปลอดภัย และควบคุมความเร็วได้ดีขึ้น

2. เมื่อต้องการชะลอรถช้าๆ อย่างเป็นธรรมชาติ

  • เช่น การจอดรถในทางลาด การขับใกล้พื้นที่จราจรหนาแน่น หรือเข้าโค้งชัน

3. เมื่อต้องการเก็บพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่

  • ในบางรุ่น การใช้เกียร์ B จะช่วยให้การ Regenerative Braking มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เกียร์ B คืออะไร?

ไม่ควรใช้เกียร์ B ตอนไหน?

  • ขณะขับขี่ปกติในพื้นที่ราบ: เพราะจะทำให้รถหน่วงโดยไม่จำเป็น และกินพลังงานมากกว่าปกติ
  • ขับทางไกลหรือทางด่วน: เนื่องจากรถจะไม่สามารถเร่งหรือไหลได้เต็มที่

เปรียบเทียบ เกียร์ D กับ เกียร์ B

รายละเอียด

เกียร์ D (Drive)

เกียร์ B (Brake)

การใช้พลังงาน

ไหลลื่น ประหยัด

หน่วงความเร็ว เพิ่มโหลด

การตอบสนอง

เหมาะกับการขับทั่วไป

เหมาะกับทางชัน/ลงเขา

ความรู้สึกขณะขับ

นุ่มนวล

หน่วงและต้านการไหลของรถ

การเก็บพลังงาน

ปกติ

เก็บพลังงานได้มากขึ้น (บางรุ่น)

เกียร์ B เหมาะกับผู้ขับที่ต้องการ

  • เพิ่มความปลอดภัยเมื่อลงเขา
  • ประหยัดผ้าเบรก
  • เก็บพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่ระบบ
  • ควบคุมความเร็วในทางลาดหรือถนนแคบๆ ได้แม่นยำขึ้น
เกียร์ B คืออะไร?

ควรศึกษาคู่มือการใช้งานของรถแต่ละรุ่น เพราะระบบเกียร์ B อาจทำงานต่างกันในแต่ละยี่ห้อ หากรู้สึกว่ารถหน่วงมากเกินไป ควรกลับมาใช้เกียร์ D เพื่อการขับขี่ที่ลื่นไหล c]tหากคุณกำลังมองหารถไฮบริดที่เหมาะกับการเดินทางไกล ประหยัด และปลอดภัย ลองสัมผัสการใช้งาน เกียร์ B ด้วยตัวเอง

เลือกรถยนต์ที่ใช่สำหรับคุณที่ โตโยต้านครพิงค์เชียงใหม่ ดูรุ่นรถหรือโปรโมชั่น สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Toyota Nakornping Chiang Mai – โตโยต้านครพิงค์ เชียงใหม่

📞 สาขาสำนักงานใหญ่ 053-999-888
📞 สาขาสันทราย 053-999-666
📞 สาขาลำพูน 052-030-999

Leave a Comment

Compare Listings

Compare (0)